top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนGlowfish

วิธีการเลือก Co-Working Space ให้เหมาะกับธุรกิจ



สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ประชุมหรือที่คุยงานขอแนะนำให้เลือกแบบ วิธีเลือก Co-Working Space ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การทำงานเป็นอย่างมาก โดยมักจะเหมาะคุยงานตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป หรืออาจจะเช่าเป็นห้องที่สามารถประชุมกันได้ 7 - 8 คน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นที่นิยมสำหรับยุคนี้เป็นอย่างมาก เพราะคนเข้าทำงานแบบออฟฟิศน้อยลง เลือกทำงานอยู่บ้านมากขึ้น นานๆ ถึงจะนัดเจอหน้าเพื่อพูดคุยกัน แต่ทีนี้การเลือกสถานที่ที่จะคุยงานต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง ว่าแต่มีอะไรบ้างนั้นสามารถตามอ่านไปพร้อมๆ กันได้เลย


4 Tips ในการเลือก Co-Working Space


1.สถานที่ตั้ง (Location)



การเลือกสถานที่ตั้งที่จะพูดคุยกันนับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เบื้องต้นจะดูว่าสมาชิกที่มาทำงานร่วมกันนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน แล้วค่อยหาจุดกึ่งกลางที่สามารถประชุมกันได้ หรือไม่ก็อาจจะหาเส้นทางรถไฟฟ้า BTS MRT ที่สะดวกต่อการเดินทางสำหรับคนที่ไม่มีรถ และวิธีเลือก Co-Working Space จำเป็นจะต้องหาที่จอดรถสำหรับคนที่มีรถด้วย แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องคุยกับลูกค้า การเลือกสถานที่ใกล้ลูกค้าจะเป็นการดีที่สุด เพราะแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจหรือความสำคัญของลูกค้าได้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องถามลูกค้าก่อนด้วยว่าสะดวกที่จะคุยงานที่นี่หรือไม่ ซึ่ง Glowfish สามารถตอบโจทย์ในข้อนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากสาขาสาทรตั้งอยู่ที่ตึกสาธรธานี 2 ซึ่งอยู่ติดกับบีทีเอสช่องนนทรี


2.งบประมาณและค่าใช้จ่าย (Cost)




นอกจากเลือกทำเลหรือสถานที่คุยงานแล้วอีกสิ่งที่จำเป็นจะต้องดูนั่นก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายขณะเข้าใช้บริการ Co-Working Space ว่าจะต้องใช้พื้นที่แบบไหน จำเป็นต้องจองห้องประชุมส่วนตัวหรือไม่ และค่าใช้จ่ายในการเข้า Co-Working Space จะอยู่ที่เท่าไหร่ต่อชั่วโมง รวมไปถึงค่าน้ำและอาหารระหว่างการประชุมในกรณีที่ต้องประชุมทั้งวัน และที่แน่นอนก็คือเรื่องของค่าการเดินทางก็เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งบางบริษัทอาจสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ เพียงแค่ขอบิลและให้ข้อมูลบริษัทเพื่อออกใบได้ วิธีเลือก Co-Working Space ด้วยการกำหนดงบประมาณจึงสำคัญไม่แพ้กัน ในขณะที่ Glowfish นั้นมีทั้งในส่วนของ Dining Hall ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดให้บริการทั้งวันที่ลูกค้าสามารถเข้ามานั่งรับประทานอาหาร เครื่องดื่มพร้อมกับทำงานหรือคุยงานได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีในส่วนของห้องประชุมขนาดเล็ก รายวัน หรือ รายชั่วโมงสำหรับเช่าเพื่อความเป็นส่วนตัว และยังมี Hot Desk ที่ลูกค้าสามารถเช่ารายวันหรือรายอาทิตย์และรายเดือนเพื่อมานั่งทำงานที่มีความเป็นกิจลักษณะมากขึ้น


3.สิ่งอำนวยความสะดวก (Amenities)



วิธีเลือก Co-Working Space อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญนั่นก็คือสิ่งอำนวยความสะดวก ใน Co-Working Space โต๊ะหรือเก้าอี้เหมาะกับการทำงานหรือไม่ เหมาะแก่การประชุมหรือไม่ มีห้องส่วนตัวให้หรือไม่ มีกระดาน white board หรือมีจอโปรเจคเตอร์หรือไม่ มีพวกปลั๊กในการเสียบชาร์จโน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพียงพอหรือไม่ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือสัญญาณอินเตอร์ที่ให้บริการนั้นมีความเร็วแค่ไหน สามารถมั่นใจได้ว่าความแรงจะพอ ไม่ทำให้การทำงานช้าลง ซึ่ง Glowfish มี Facilities ที่ครบครันไม่ว่าจะเป็น Wifi ในพื้นที่ ปลั๊กเสียบชาร์จไฟให้ลูกค้าพร้อมใช้งานในทุกพื้นที่ ในส่วนของห้องประชุมส่วนตัวก็มีอุปกรณ์สำหรับใช้ในการประชุมครบครัน


4.บรรยากาศ (Environment)




บรรยากาศนับว่าเป็น วิธีเลือก Co-Working Space ที่สำคัญมาก โดยพื้นฐานจำเป็นต้องดูว่า Co-Working Space มีเสียงไม่ดังจนเกินไปสามารถคุยงานได้รู้เรื่อง แสงสว่างต้องมีเพียงพอเพื่อให้การสื่อสารผ่านสายตารวมทั้งทำงานผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้บรรยากาศทำงานว่าจะอยากได้แบบผ่อนคลาย ทำงานสบายๆ หรืออยากได้สถานที่ทำงานจริงจัง ในเรื่องของอากาศเองก็มีความสำคัญไม่น้อยเพราะถ้าหากร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไปก็จะไม่อยากคุยงานกันนานได้


สรุปบทความ


วิธีเลือก Co-Working Space สำหรับคุยงานนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การคุยงานมีประสิทธิภาพดีหรือไม่ดี บรรยากาศโดยรวมมีความเงียบสงบคนไม่พลุกพล่านไปมา สามารถคุยงานได้อย่างเข้าใจและนำไปต่อยอดได้ แน่นอนว่าการเลือกสถานที่อาจเลือกที่ที่ทุกคนโอเคในการเข้ามาคุยงานที่ Co-Working Space แห่งนั้น หรือหากต้องการความเงียบสงบ แต่ต้องการห้องประชุมขนาดใหญ่ Co-Working Space บางแห่งก็มีบริการเหล่านี้เป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งที่​ Glowfish นับว่าตอบโจทย์ในทุกๆ ปัจจัยในการเลือกข้างต้นที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ บรรยากาศ และสิ่งอำนวยความสะดวก

ดู 28 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page