หนึ่งในเทรนด์การทำงานที่ถูกปรับเปลี่ยน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่ต้องการความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นอย่าง Work from Anywhere เป็นเทรนด์ที่ทำให้ธุรกิจ Co-Working Space เติบโตและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศ มักจะหาห้องทำงานส่วนตัวหรือพื้นที่ที่สามารถนั่งทำงานได้อย่างอิสระ ไม่อุดอู้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งยังมีทำเลตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ซึ่งในบทความนี้ Glowfish จะมาตอบทุกคำถามที่คุณสงสัยเกี่ยวกับ Co-Working Space พร้อมแนะนำรายละเอียดต่าง ๆ ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนให้ได้ทราบกัน
Co-Working Space คืออะไร?
Co-Working Space คือพื้นที่สาธารณะที่เปิดให้เหล่าวัยทำงานหลากหลายอาชีพเข้ามานั่งทำงาน โดยภายใน Co-Working Space จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนนั่งอยู่ในออฟฟิศส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ห้องประชุม Wifi รวมถึงพื้นที่สำหรับนั่งทานอาหาร และทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีขนาดและรูปแบบให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานส่วนตัว โต๊ะทำงานส่วนตัว ห้องประชุม และห้องสัมมนา
ซึ่งจุดเด่นของการใช้บริการ Co-Working Space ก็คือ ราคาที่ประหยัดกว่าการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดสำนักงาน และโอกาสที่จะได้ Connection จากเพื่อนร่วมโต๊ะ ทำให้ Co-Working Space ได้รับความนิยมในกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ Startup และเหล่าฟรีแลนซ์เป็นอย่างมาก
ทำไมถึงควรนั่งทำงานใน Co-Working Space แทนการนั่งทำงานในร้านกาแฟ
เชื่อว่าร้านกาแฟเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนส่วนใหญ่นิยมไปใช้บริการและนั่งทำงาน แต่เนื่องจากในร้านกาแฟยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กไฟที่ไม่เพียงพอ, สัญญาณ WiFi ที่ไม่เสถียร, ความพลุกพล่านจากคนที่มาใช้บริการ และความปลอดภัยในการวางสิ่งของทิ้งไว้ ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพและไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ต่างจากการนั่งทำงานใน Co-Working Space ที่มีบรรยากาศเอื้อต่อการทำงาน อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีปลอดภัยสูง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับผู้ที่มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม Co-Working Space ถึงเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการนั่งทำงานมากกว่าในร้านกาแฟ
6 เหตุผลที่ทำให้ Co-Working Space ได้รับความนิยม
ได้ทำความรู้จัก Co-Working Space กันไปพอสมควรแล้ว อันดับต่อไปเรามาดูกันดีกว่าว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้ Co-Working Space กลายเป็นคอมมูนิตี้ของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างฉุดไม่อยู่ โดยเราสามารถสรุปมาได้ 5 เหตุผลด้วยกัน ดังนี้
1. บรรยากาศที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และจุดประกายการทำงาน
ภายในพื้นที่ Co-Working Space ส่วนใหญ่ มักจะมีการออกแบบให้มีความสวยงาม ทันสมัย น่านั่งทำงาน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจ หรือจุดประกายไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ออกมา นอกจากนี้ด้วยความที่ Co-Working Space เป็นพื้นที่ที่รวมคนทำงานหลากหลายอาชีพ ทำให้ผู้ที่มาใช้บริการได้ซึมซับบรรยากาศ หรือได้ไอเดียในการสร้างสรรค์งานออกมาได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
2. สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
พื้นที่และอุปกรณ์ในการทำงานที่สะดวก ครบครัน เป็นปัจจัยเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Co-Working Space ส่วนใหญ่มักจะมีห้องประชุมให้เช่า ห้องสัมมนาให้เช่า โต๊ะทำงานส่วนตัว โปรเจคเตอร์ ไวท์บอร์ด WiFi และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์การทำงานอีกมากมาย นอกจากนี้ Co-Working Space บางแห่งยังมีพื้นที่สันทนาการ และห้องอาหาร หรือแม้แต่ห้องนอนไว้คอยบริการอีกด้วย ซึ่งนับว่ามีความครบครัน และเป็นออฟฟิศในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว
3. ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า Co-Working Space มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทำให้ผู้ที่มาใช้บริการพื้นที่ไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ในการทำงาน นอกจากนี้ผู้มาใช้บริการยังสามารถเลือกขนาดพื้นที่ให้เหมาะกับความต้องการ และงบประมาณที่ตั้งไว้ รวมถึงยังสามารถกำหนดระยะเวลาในการเช่าพื้นที่ได้อีกด้วย และปัจจัยเหล่านี้ทำให้ Co-Working Space ได้รับความนิยมในกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก, Startup และฟรีแลนซ์
4. ทำเลดี เดินทางสะดวก
การเดินทางที่สะดวกสบาย ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เป็นปัจจัยที่ช่วยให้ผู้มาใช้บริการไม่ต้องเสียเวลาไปกับการต่อรถหลายต่อ โดย Co-Working Space ในกรุงเทพส่วนใหญ่ก็มักจะตั้งอยู่บนทำเลที่ดี และใกล้กับขนส่งสาธารณะ รวมถึงมีร้านค้า ร้านอาหารให้ใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย
ยกตัวอย่างเช่น Glowfish เป็น Co-Working Space ที่ปักหลักทำเลใจกลางอโศก และสาทร ซึ่งเป็นแหล่งที่ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะทั้ง BTS และ MRT อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยร้านค้า และร้านอาหารให้เลือกหลากหลาย
5. เพิ่มโอกาสในการรู้จักคนในแวดวงเดียวกันหรือใกล้เคียง
Co-Working Space เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามานั่งทำงานได้ จนกลายเป็น Community เล็ก ๆ ที่มีพนักงานมืออาชีพในหลากหลายแวดวงมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้มาใช้บริการมีโอกาสที่จะสร้าง Connection และแลกเปลี่ยนความคิดกับธุรกิจอื่น ๆ ได้มากขึ้น
6. แบ่งพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อนอย่างชัดเจน
บ้าน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ในการนั่งทำงาน แต่การนำพื้นที่พักผ่อนมารวมกับพื้นที่ทำงาน อาจทำให้คุณมีปัญหาในการแบ่งแยกเวลาทำงานและเวลาพักผ่อน จนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือ การแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจน และเลือกพื้นที่ในการทำงานให้เหมาะสม ซึ่ง Co-Working Space ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
Co-Working Space เหมาะกับใครบ้าง?
ผู้ที่มาใช้บริการ Co-Working Space ส่วนใหญ่ มักจะเป็นผู้ที่ต้องการพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ในการทำงาน รวมถึงเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ซึ่งผู้ที่นิยมมาใช้บริการ Co-Working Space มีดังนี้
• ฟรีแลนซ์
คนที่ประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้มีสถานที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง และมักจะทำงานที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยบรรยากาศการทำงานที่อาจจะดูน่าเบื่อ และจำเจจนเกินไป รวมถึงต้องการแบ่งพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อนให้ชัดเจน Co-Working Space จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานครบครัน บรรยากาศของพื้นที่ทำงานที่มีสีสัน และผู้คนใหม่ ๆ ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ หรือ Connection ได้
• พนักงานออฟฟิศ
พนักงานออฟฟิศ เป็นคนอีกกลุ่มที่นิยมมานั่งทำงานที่ Co-Working Space ซึ่งก็มีทั้งคนที่อยากเปลี่ยนสถานที่ทำงาน, คนที่ต้อง Work From Home แล้วอยากหาที่นั่งทำงานเป็นหลักแหล่ง และคนที่อยากได้บรรยากาศการทำงานที่สามารถจุดประกายไอเดียการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ได้รับความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีอยู่
• ธุรกิจขนาดเล็กหรือ Startup
ธุรกิจขนาดเล็กหรือ Startup มักจะเช่าห้องประชุม หรือห้องทำงานของ Co-Working Space ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเป็นสถานที่ทำงานร่วมกับพนักงาน แทนการไปเช่าสำนักงานขนาดใหญ่ที่มีภาระค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเช่าสถานที่, ค่าตกแต่ง, ค่าเฟอร์นิเจอร์, ค่าอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังไม่มีข้อกำหนดที่ซับซ้อนหรือผูกมัดผู้เช่าในระยะยาว ทำให้ผู้ที่มาใช้บริการสามารถเปลี่ยนรูปแบบสถานที่ทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและสะดวกสบาย
• นักศึกษา
นักศึกษาถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการพื้นที่สำหรับนั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือ ยิ่งในช่วงใกล้สอบก็จะเห็นได้ว่า ตามร้านกาแฟมักจะมีนักศึกษามานั่งจองที่กันจนเต็มร้าน แต่ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหรืออุปกรณ์ในการทำงานที่ไม่เพียงพอ จึงมีหลายกลุ่มที่หันมาเช่าห้องทำงานในระยะเวลาสั้น ๆ แทนการไปนั่งที่ร้านกาแฟ นอกจากนี้ในปัจจุบันก็มี Co-Working Space ที่มีห้องส่วนตัวหลายแห่งเปิดให้นักศึกษาเข้ามาใช้บริการแบบฟรี ๆ อีกด้วย
Glowfish พื้นที่ทำงานที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และจุดประกายไอเดียให้กับทุกคน
เมื่อได้ทำความรู้จักกับ Co-Working Space กันไปแล้ว ก็คงจะมีหลายคนที่เริ่มสนใจ และอยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานกันขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งถ้าคุณกำลังมองหา Co-Working Space ย่านสาทร-ช่องนนทรี ที่ทั้งเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า และเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
Glowfish ออฟฟิศสำเร็จรูปให้เช่า ที่ตั้งอยู่ในอาคารสาทรนครทาวเวอร์ ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี ที่ตกแต่งสวยงาม ทันสมัย และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เกิดไอเดียหรือความคิดที่สร้างสรรค์ได้ตลอดเวลา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น
Work Space มีทั้งบริการโต๊ะทำงานส่วนตัวรายวัน และสำนักงานให้เช่าระยะยาวหลากหลายขนาด
Dining Hall ที่มีร้านอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย พร้อมบรรยากาศสบาย ๆ และพื้นที่ที่สามารถนั่งทานอาหาร จัดกิจกรรม หรือมานั่งทำงานระหว่างวันได้
Meeting Room ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งใช้เป็นห้องประชุม, เป็นห้องสำหรับไลฟ์สด หรือแม้แต่เป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายภาพ
Conference Hall จัดงานได้หลายรูปแบบ โดยไม่ต้องจ้างออแกไนซ์ เพราะมาพร้อมระบบแสง สี เสียง และจอ LED ขนาดใหญ่ความละเอียดสูงพร้อมให้บริการ
Good After Work กิจกรรมหลังเลิกงานที่เปิดโอกาสให้พนักงานจากบริษัทต่าง ๆ สามารถมาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือนั่งชิล ๆ ไปกับกิจกรรมที่ Glowfish จัดในแต่ละสัปดาห์
Music Studio ห้องซ้อมดนตรีใจกลางสาทร ที่ครบครันไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องดนตรีคุณภาพดี ในราคาย่อมเยา
Fitness Studio ฟิตเนสขนาดใหญ่ที่มอบความสะดวกสบายในการออกกำลังกายให้กับพนักงานหลังเลิกงาน พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ครบครัน
Glowfish มีบริการอะไรบ้าง?
นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกใน Glowfish ที่มีความครบครันและตอบโจทย์การทำงานแล้ว เรายังมีพื้นที่บริการที่ครอบคลุมความต้องการของคนทุกกลุ่มอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
ออฟฟิศสำเร็จรูปให้เช่า (Serviced Office)
ออฟฟิศสำเร็จรูปให้เช่าที่โกลว์ฟิช จะมีความจุให้เลือกตั้งแต่ 3 - 12 ท่าน มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์การทำงานที่ครบครัน และสิ่งอำนวยความสะดวกให้คุณเลือกใช้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่น เพราะเป็นสัญญาระยะสั้น เหมาะบริษัทเปิดใหม่ (Startup), บริษัทที่กำลังมีการขยายตัว บริษัทที่กำลังย้ายออฟฟิศ หรือได้โปรเจคระยะสั้น
โต๊ะทำงานส่วนตัว (Personal Desk)
โต๊ะทำงานส่วนตัว Personal Desk หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยว่า Hot Desk เป็นการให้ผู้ใช้บริการเข้ามาเช่าโต๊ะทำงานของตัวเองและใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ผ่านการทำสัญญาในระยะสั้นที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับคนที่ Work From Home, ฟรีแลนซ์ และบริษัท Startup
สำนักงานเสมือน (Virtual Office)
สำนักงานเสมือน หรือบริการเช่าที่อยู่จดทะเบียนบริษัท เป็นบริการที่เหมาะกับธุรกิจต่างชาติ หรือธุรกิจ Startup ที่ยังไม่พร้อมจะลงทุนเช่าสำนักงาน แต่อยากได้ตัวตนและภาพลักษณ์ะที่น่าเชื่อถือ ซึ่งที่ Glowfish นอกจากคุณจะได้ที่อยู่ในการจดทะเบียนบริษัทแล้ว ยังสามารถเข้ามาใช้บริการพื้นที่ของเราในการประชุม ติดต่องาน หรือนั่งทำงานได้อีกด้วย
ห้องประชุมให้เช่า (Meeting Rooms)
เพราะการประชุม เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการทำงาน แต่ห้องประชุมที่ Glowfish นั้นมีความแตกต่างไปจากห้องประชุมใน Co-Working Space แห่งอื่น เพราะนอกจากเราจะจัดเตรียมอุปกรณ์การประชุมไว้อย่างครบครันแล้ว ห้องประชุมของเรายังมีการตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ไม่จำเจ และทำให้ผู้ใช้บริการผ่อนคลายความเครียดจากการประชุมได้ด้วย
ห้องสัมมนาให้เช่า (Conference Hall)
ห้องสัมมนาให้เช่าของ Glowfish สามารถรองรับคนได้ตั้งแต่ 150-600 คน ซึ่งทุกห้องจะอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้งระบบแสงสีเสียง พร้อมด้วยจอ LED ขนาดใหญ่ไว้คอยบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การประชุม หรือการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้อีกมากมาย
Work-Life Integration แนวคิดการทำงานที่หลอมรวมชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงานเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ Glowfish นำมาใช้ในการพัฒนา Co-Working Space ให้ตอบโจทย์กับแนวคิดนี้ให้มากที่สุด จะเห็นได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Working Space, กิจกรรม Good After Work, Dining Hall และ Fitness Studio ทำให้พนักงานที่ใช้บริการ Glowfish สามารถบริหารจัดการเวลางานและเวลาส่วนตัวได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ Glowfish ยังตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมือง ที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบายทั้งรถไฟฟ้า BTS และรถโดยสาร BRT ซึ่งถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมากสำหรับไลฟ์สไตล์ของพนักงานออฟฟิศในปัจจุบัน
Comments